เมื่อครั้งที่แล้วเรายังคุยกันไม่จบเลยค่ะ ว่ากันต่อจาก ภาค 2 เลยนะคะ (อิ อิ สงสัยตอนนี้สุดท้ายแล้ว เย้)
น้องอารซู มาทวี เล่าให้ฟังว่า “ผมมีความสุขมากที่ได้เรียนที่เทคนิคกรุงเทพฯ เพราะเทคนิคกรุงเทพฯ ให้เราทั้งเรื่องการเรียนรู้ชีวิตและการทำกิจกรรม ตอนผมเรียนเทคนิคกรุงเทพฯ ผมได้เป็นประธานค่ายอาสาพัฒนา หลังจากจบจากเทคนิคกรุงเทพฯ แล้ว ผมก็ไปเรียนต่อที่เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ แต่ปรากฏว่าความสนิทสนมและความใกล้ชิดนั้นต่างกันมาก ทางเทคนิคกรุงเทพฯ เรามีความสัมพันธ์กันมากกว่า และปัจจุบันเรายังติดต่อสัมพันธ์กัน
ชีวิตการทำงานปัจจุบันผมเป็นเจ้าของบริษัทออกแบบดีไซน์ จัดงานตกแต่งใน Event ต่าง ๆ ออกแบบเวที ออกแบบ Logo เมื่อผมเรียนจบก่อสร้าง แล้วก็ไปต่อปริญญาโทโยธา แต่สิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรม มันทำให้เรามองออกว่า “เราชอบอะไร” เราจึงต้องแยกให้ออกระหว่างการศึกษากับสิ่งที่เราชื่นชอบ เด็กที่ได้ทำกิจกรรมกับเด็กที่เรียนอย่างไม่ได้ทำกิจกรรม แม้จะจบปริญญาโทมา ผมเห็นว่าเวลามีอาชีพการงานจะต่างกันส่วนใหญ่ได้เป็นเพียงพนักงานบริษัท การทำกิจกรรมมันสอนให้เรารู้จักกล้าที่จะแสดงความเห็นกล้าแสดงออก เวลาทำงานอะไรมันก็ง่ายขึ้น ในการทำงานมันเริ่มที่ความศรัทธา ศรัทธาในตัว ศรัทธาในพระเจ้า อาชีพที่ผมทำ ผมทำโดยไม่มีทฤษฎีอะไร แต่ก็ได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองชอบ ตนเองเชื่อ ดังนั้น ผมจึงนำความฝันของผมไปขายเจ้าของกิจการ แล้วเค้าก็ให้ทุนผมมาทำงานให้เค้า ผมจึงขอบอกว่า การทำกิจกรรม การที่เราได้เป็นผู้นำ มันตอบโจทย์การทำงานต่าง ๆ แก่เราว่าสามารถจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จได้จริง ด้วยการเรียนรู้จากการทำกิจกรรม ไม่ใช่แต่เฉพาะการเรียนรู้ในห้องเรียน
สำหรับความรู้สึกที่ได้มาร่วมสังสรรค์กับพี่ ๆ ชมท. รุ่นเก่าในวันนี้ ผมนั่งอมยิ้ม ผมประทับใจมาก ดีใจที่ได้มาพบรุ่นพี่อาวุโส ซึ่งแต่ละคนจบมาปี 2516 นี่ผมยังไม่ได้เกิดเลย พบโชคดีมากที่ได้พบพวกพี่ ได้มาทานข้าวด้วยกัน (พี่นุช ถามว่าจากการที่ได้มาสัมผัสรุ่นพี่ในครั้งนี้ น้องพอจะสัมผัสได้ระหว่างความสัมพันธ์ของพี่รุ่นเก่า ๆ กับความสัมพันธ์ของ ชมท. รุ่นใหม่ น้องได้รับความรู้สึกที่เหมือนกันหรือไม่) ... น้องอารซู กล่าวต่อว่า ที่เทคนิคกรุงเทพฯ นั้น เราได้รับความจริงใจต่อกันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน (muslim.mahamek ต้องขออนุญาตจบลงเท่านี้ก่อนนะคะ ด้วยเหตุที่เครื่องบันทึกไม่สามารถได้ยิน T_T )
คุณนิรมาน นุนาบี คนนี้ที่จริงจิ๋มต้องเรียกว่าพี่ เพราะเพิ่งมาฟังเทปที่บันทึกไว้ว่า พี่เค้าเรียนรุ่นเดียวกับพี่พล แต่เรียนภาคค่ำ หลังจากให้สลามพวกเราเรียบร้อยแล้ว พี่นิรมานก็รายงานตัวเลยค่ะว่า ชื่อนิรมาน ศาสนวิบูลย์ แต่ (เอะเอ๊ะ) ตอนนี้ได้เปลี่ยนนามสกุลแล้ว มาใช้ “นุนาบี” ปัจจุบันมีนิวาสถานอยู่ที่หนองจอก แถวลำผักชีค่ะ พี่นิรมานขอบคุณพระองค์ที่เมตตาให้พวกเราได้มาพบกันอีก เนื่องจากหลังจากจบเทคนิคมาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีก แต่เมื่อประมาณ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเจอวรพลที่มัสยิดแถวอ่อนนุช พลรีบเข้ามาทัก “ดะห์จำพลได้หรือเปล่า” หลังจากนั้นไม่นานเธอจึงได้มีโอกาสมาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานของพี่พล
คุณนิรมาน นุนาบี คนนี้ที่จริงจิ๋มต้องเรียกว่าพี่ เพราะเพิ่งมาฟังเทปที่บันทึกไว้ว่า พี่เค้าเรียนรุ่นเดียวกับพี่พล แต่เรียนภาคค่ำ หลังจากให้สลามพวกเราเรียบร้อยแล้ว พี่นิรมานก็รายงานตัวเลยค่ะว่า ชื่อนิรมาน ศาสนวิบูลย์ แต่ (เอะเอ๊ะ) ตอนนี้ได้เปลี่ยนนามสกุลแล้ว มาใช้ “นุนาบี” ปัจจุบันมีนิวาสถานอยู่ที่หนองจอก แถวลำผักชีค่ะ พี่นิรมานขอบคุณพระองค์ที่เมตตาให้พวกเราได้มาพบกันอีก เนื่องจากหลังจากจบเทคนิคมาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีก แต่เมื่อประมาณ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเจอวรพลที่มัสยิดแถวอ่อนนุช พลรีบเข้ามาทัก “ดะห์จำพลได้หรือเปล่า” หลังจากนั้นไม่นานเธอจึงได้มีโอกาสมาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานของพี่พล
สมัยที่เรียนพี่อยู่คณะบริหารธุรกิจ (บัญชี) พี่นิรมาน บอกว่า ประทับใจสุภาพสตรีท่านหนึ่งมาก คนนี้เป็น Leader จริง ๆ ก็คือ พี่ลมูลของพวกเรานั่นเองค่ะ พี่เล่าต่อไปว่า พอเรียนได้ปีเดียวก็ได้งานทำ เลยต้องย้ายมาเรียนภาคค่ำ ตอนนั้นพี่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นเลขาฯ ชมท. แล้วพี่พลถ้าจำไม่ผิดก็เป็นรองประธาน แต่พอพี่ได้งานก็เลยต้องละจากตำแหน่งเลขาฯ ชมรม เพื่อให้คนอื่นรับหน้าที่แทน (จิ๋ม จำได้ไม่ได้แน่ชัดนักนะคะ ว่าจิ๋มทำหน้าที่เลขาฯ ต่อจากพี่หรือเปล่า แต่จำได้ว่ามาช่วยงานเลขาฯ ชมท. ตอนพี่สุเทพเป็นประธานชมรม แล้วก็มารับหน้าที่เลขาฯ ชมท. ตอนรุ่นพี่โอ สมพล รัตนาภิบาล ซึ่งย้ายแผนกมาเรียนช่างอุตสาหกรรม เลยมาเรียนปี 1 พร้อมรุ่นจิ๋ม ซึ่งเดิมทีพี่โอเข้าเรียนรุ่นเดียวกับพี่พล พี่นุช พี่จั่น เหตุนี้เองกระมังที่ทำให้จิ๋มรู้สึกว่า สนิทสนมกับรุ่นพี่นุช พี่จั่น มากกว่าเพื่อน ๆ ในรุ่นเดียวกัน เพื่อนที่จิ๋มสนิทรุ่นเดียวกันก็มี บุษบา แสงสุวรรณ ตอนที่เค้าจบใหม่ ๆ ทำงานอยู่ตลาดหลักทรัพย์ ก็ยังได้พูดคุย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เจอกันเลยค่ะ เบอร์โทรก็ไม่มี ถ้าพี่คนใดพบช่วยขอเบอร์ติดต่อและที่อยู่ให้พวกเราด้วยค่ะ ฝากบอกว่าจิ๋มคิดถึงเค้ามาก) พี่นิรมาน ได้เล่าต่อไปว่า ตอนที่ได้งานทำงานนั้นที่ทำงานอยู่ไกลมาก พี่จึงก็ไม่ได้มีโอกาสมาช่วยงานชมรมอีกเลย เวลาเรียนก็มาเรียนไม่ครบ ดีที่เจ้านายเห็นใจอนุญาตให้มาเรียนวันเสาร์ได้ อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ขอขอบคุณพระองค์ที่ให้เราสำเร็จการศึกษามาได้
ชีวิตการทำงานก็โลดโผนโจนทะยาน เดี๋ยวไปเป็นสมุห์บัญชี แล้วก็มาทำงานประกัน คำถามก็มีอยู่ว่า “เทคนิคกรุงเทพ (ชมท.) ให้อะไรกับเรา” คำตอบ ก็คือ ให้การตัดสินใจที่ดี กล้าตัดสินใจ เด็กที่ไม่ได้ทำกิจกรรมมาเลย พอจะตัดสินใจอะไรในชีวิตซะอย่าง ก็คิดมาก
ชีวิตสมรสของพี่ ก็เริ่มด้วยการตัดสินใจที่จะแต่ง หลังจากที่ตัดสินใจไม่แต่งงานมานาน พอตัดสินใจจะแต่งก็ ปุ๊บปับเลย [ อิ อิ นั่นแน่ พี่นิรมานแพ้ตรงที่เค้าขอความรักว่า “เธอจะยอมรับฉันเป็นคนหนึ่งในชีวิตได้มั้ย” นายทหารอากาศทั้งหวานทั้งอ้อนอย่างนี้เอง ]
หลังจากพี่นิรมานกล่าวจบแล้ว พี่นุชได้ขอกล่าวความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับความผูกพันที่มีต่อ ชมท. ก่อนที่พวกเราจะพักกันชั่วคราวเพื่อไปนมาซมักริบ
พี่วรนุช แป้นเจริญ พี่นุชได้เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่อง สายเลือด (DNA) ของ ชมท. พี่นุชมีลูกอยู่ 4 คน ก็คาดหวังว่าจะมีลูกสักคนมั้ยที่จะเดินตามรอยของเรา เข้ามาเรียนที่เทคนิคกรุงเทพฯ บ้าง เราเคยได้ยินแต่รุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเค้ามีลูกเรียนเทคนิคกรุงเทพฯ จึงมีเพื่อนตั้งแต่รุ่นเค้าไปจนถึงมีเพื่อนเป็นรุ่นลูก สำหรับพี่นุชเองก็เกือบหมดหวังแล้ว แต่ปรากฏว่าลูกสาวคนเล็กที่สอบติด ม.นเรศวรจังหวัดพะเยา เค้ามีเพื่อที่มีสายเลือด เทคนิคฯ แรงมาก คือ ทั้งพ่อและแม่เรียนจบเทคนิคกรุงเทพฯ ลูกจึงมุ่งมั่นที่จะเข้าไปเรียนเทคนิคฯ ให้ได้ ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าลูกสาวเปลี่ยนใจไม่เรียนต่อที่ ม.นเรศวร แล้ว แต่พลิกโผมาเรียนเทคนิคกรุงเทพฯ แทน ตอนจะมาเข้าเทคนิคก็ไม่บอกพ่อแม่ หวุดหวิดวันสุดท้ายมาสมัครเรียนเปียกปอนฝนมาเลย แต่อาจารย์ก็รับสมัครให้เข้าเรียนได้ ชื่นใจจังลูก อัลฮัมดุลิลลาฮ์ เหตุนี้จึงเป็นการจุดประกายให้เราได้อยากมาพบกัน ด้วยกับสายเลือดเทคนิคกรุงเทพฯ ที่มันฝังอยู่ในตัวเรา ทำให้เรามีความรักความผูกพันกัน ด้วยเหตุนี้เวลาใครมีกิจกรรมอะไร ถ้าเราทราบข่าวเราก็มาร่วมกิจกรรมได้โดยที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง มีบัตรเทียบเชิญ
ในส่วนตัวเมื่อจัดงานนิกะห์ของนุชเอง ไม่ได้ออกบัตรเชิญใคร แต่ปรากฏว่าเพื่อนใน ชมท. ไปร่วมงานกันมาก น้อง ๆ ก็มาร่วมงานด้วย รุ่นพี่ก็มี พี่โต ที่นุชแปลกใจมากว่า พี่โตไม่รู้จักบ้านแต่ก็มาได้อย่างไรกัน และที่นุชประทับใจพี่ ๆ มากก็คือรุ่น Original อย่างเช่น พี่ปรีชา พี่โต พี่แก่ พี่เต่า
หลังจากนี้เราได้พักชั่วคราวเพื่อทำนมาซมักริบกันค่ะ.....
(วันนี้ขอพักแค่นี้ก่อนนะคะ ไว้ต่อภาค 4 ก็แล้วกันค่ะ ถ้าพวกพี่ไม่เหนื่อยอยากจะติดตามตอนต่อไปในภาค 4 ก็ได้เลยค่ะ เชิญคลิกที่ลิงค์นี้ ค่ะ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น